3. อนิจจสูตรที่ 2
ว่าด้วยการละราคะในสิ่งที่เป็นอนิจจัง
[336] กรุงสาวัตถี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
พึงละราคะในสิ่งที่ไม่เที่ยงเสีย ก็อะไรเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ? รูปเป็นสิ่งที่
ไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละราคะในรูปนั้นเสีย เวทนา... สัญญา...
สังขาร... วิญญาณ เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละราคะใน
วิญญาณนั้นเสีย.
จบ อนิจจสูตรที่ 2
4. อนิจจสูตรที่ 3
ว่าด้วยการละฉันทราคะในสิ่งที่เป็นอนิจจัง
[337] กรุงสาวัตถี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึง
ละฉันทราราคะในสิ่งที่ไม่เที่ยงเสีย ก็อะไรเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ? รูปเป็น
สิ่งที่ไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในรูปนั้นเสีย เวทนา...
สัญญา... สังขาร... วิญญาณ เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละ
ฉันทราคะในวิญญาณนั้นเสีย.
จบ อนิจจสูตรที่ 3
5. ทุกขสูตรที่ 1
ว่าด้วยการละฉันทะในสิ่งที่เป็นทุกข์
[338] กรุงสาวัตถี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
พึงละฉันทะในสิ่งที่เป็นทุกข์เสีย ก็อะไรเป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ ? รูปเป็นสิ่งที่
เป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในรูปนั้นเสีย เวทนา... สัญญา...
สังขาร... วิญญาณ เป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทะใน
วิญญาณนั้นเสีย.
จบ ทุกขสูตรที่ 1
6. ทุกขสูตรที่ 2
ว่าด้วยการละราคะในสิ่งที่เป็นทุกข์
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่งที่เป็นทุกข์เสีย
ก็อะไรเป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ ? รูปเป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึง
ละราคะในรูปนั้นเสีย เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ เป็นสิ่งที่
เป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละราคะในวิญญาณนั้นเสีย.
จบ ทุกขสูตรที่ 2
7. ทุกขสูตรที่ 3
ว่าด้วยการละฉันทราคะในสิ่งที่เป็นทุกข์
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในสิ่งที่เป็นทุกข์
เสีย ก็อะไรเป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ ๆ. รูปเป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึง
ละฉันทราคะในรูปนั้นเสีย เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ
เป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในวิญญาณนั้นเสีย.
จบ ทุกขสูตรที่ 3